นอกจากการเรียนในห้องเรียนแล้ว
ที่ใช้เนื้อหาตามหลักสูตรและวัดประเมินตามหลักสูตรในระบบมีการเรียนรู้ชนิดหนึ่งเกิดขึ้น
ก็คือ การเรียนรู้วิธีการสอนของครู ซึ่งไม่มีในหลักสูตร และไม่มีการวัดประเมินเช่นเดียวกับการปลูกฝังประชาธิปไตย
ผ่านระบบความสัมพันธืในโรงเรียน ที่ไม่มีในหลักสูตร และการวัดประเมินเช่นเดียวกันหลายครั้งที่นักวิชาการทั้งหลาย
ตั้งขบวนการปฏิรูปถึงกระบวนการปฏิรูปการเรียนรู้ แล้วทำไมการจัดการเรียนรู้ของครูก็ยัง
เหมืยนเดิม ก็คือ เอาหนังสือขึ้นมา ให้นักเรียนอ่าน ทำแบบฝึกหัด ตามหนังสือ
หรือชอล์ก แอนด์ ทอล์กหรือแม้บางท่านพยามเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปฏิรูปการเรียนรู้เน้นการสอนในสไตน์ที่หลากหลายบ้าง
แต่ก็ไม่ทิ้งชอล์กแอนด์ทอล์ก
ผมมีเพื่อนหลายคนที่กล้าเปลี่ยนในเรื่องการสอนตามแนวปฏิรูปการเรียนรู้ ก็พบว่าเขาประทับใจในครูที่สอนเขาในระดับมัธยม หลายคนสอนแบบนี้ เขาชอบ พอเขาได้มาเป็นครูเขาก็นำรูปแบบหลักที่เขาประทับใจนั้นมาสอนนักเรียนต่อ แต่ก็มีเพื่อนอีกหลายคนที่ยังชอล์กแอนด์ทอล์ก พอสอบถามเขาเขาก็บอกว่ามันง่ายดี พอถามลึก ๆถึงสมัยอดีต กลับไม่พบมีความประทับใจเกี่ยวกับการสอนใด ๆ เลย ครูที่สอนมาก็ชอล์กแอนด์ทอล์กนี่แหละเขาบอกว่า การที่เขาได้ดีก็เพราะชอล์กแอนด์ทอล์กนี่แหละ ไม่ต้องเปลี่ยนหรอกทำให้ผมสว่างวาบถึงอิทธิพลของการศึกษาตลอดชีวิต ที่ยังได้ผลเสมอแม้จะไม่ต้องวัดผลอะไรเลยก็ตามก็ดูวัฒนธรรมและวิถีชีวิตในการสอนของครูนั้น เป็นการเรียนรู้วิถีชีวิตโดยเฉพาะการเรียนการสอนของครูรุ่นก่อนปัจจุบันก็ยังคงสอนเหมือนเดิมอย่างมีประสิทธิภาพว่ากันว่า การแสดงเนื้อหาของการสอนนั้นผ่านอนุบาล 2 ปี ประถม 6 ปี มัธยม 6 ปี และการสอนรูปแบบใหม่ ๆ นั้นในอุดมศึกษา เรียนมากที่สุดแค่ 18 หน่วยกิต 3 เดือนครึ่งสอบท่องให้ผ่าน ไม่ถึงปี แม้ว่าการวัดผลตามหลักสูตรจะบอกว่่าคนคนนี้เก่งวิธีการสอน แต่การเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่พระคุณครูรุ่นก่อน ๆ ที่สอนมา และไม่ได้วัดอะไรเลยแต่กลับมีประสิทธิภาพกว่าแฮะ...แอบยิ้มว่าของตรูมีประสิทธิภาพโดยไม่วัดและประเมินคำตอบและความสำเร็จของการปฏิรูปรอบสอง ก็ดูการสืบทอดวัฒนธรรมตามแบบบูรพาจารย์ ส่วนเรื่องใหม่ ๆ ที่นักวิชาการต่างประเทศนำเสนอ แล้วชนชั้นนำที่เป็นอาจารย์ก็นำเอามานำเสนอต่อเพียงทฤษฎีหรือปฎิบัติได้น้อยและดูทีท่าว่า ผู้ที่นำเอาวิธีการปฏิรูปการเีรียนรู้มานำเสนอ เปลี่ยนจากการปิ้งแผ่นใส มาเป็น powerpoint และทอล์ก แอนด์ ทอล์ก และวัดประเมินจากความจำได้หมายรู้จากทอล์กนั้น ระยะเวลาการนำเสนอตัวของความรู้นั้นเพียงแค่ไม่ถึง 6 เดือน และแปลกแยกจากการปฏิบัติ เมื่อเปรียบเทียบความรู้ที่เกิดจากการศึกษาตลอดชีวิตที่ตนเองได้เรียนรู้สั่งสมมาโดยไม่รู้ตัว ตั้ง 14 ปี ที่นำเสนอความรู้ทั้งวิธีการสอน และระบบความสัมพันธ์จึงเป็นสุดยอดประสิทธิภาพจริง ๆ
ผมมีเพื่อนหลายคนที่กล้าเปลี่ยนในเรื่องการสอนตามแนวปฏิรูปการเรียนรู้ ก็พบว่าเขาประทับใจในครูที่สอนเขาในระดับมัธยม หลายคนสอนแบบนี้ เขาชอบ พอเขาได้มาเป็นครูเขาก็นำรูปแบบหลักที่เขาประทับใจนั้นมาสอนนักเรียนต่อ แต่ก็มีเพื่อนอีกหลายคนที่ยังชอล์กแอนด์ทอล์ก พอสอบถามเขาเขาก็บอกว่ามันง่ายดี พอถามลึก ๆถึงสมัยอดีต กลับไม่พบมีความประทับใจเกี่ยวกับการสอนใด ๆ เลย ครูที่สอนมาก็ชอล์กแอนด์ทอล์กนี่แหละเขาบอกว่า การที่เขาได้ดีก็เพราะชอล์กแอนด์ทอล์กนี่แหละ ไม่ต้องเปลี่ยนหรอกทำให้ผมสว่างวาบถึงอิทธิพลของการศึกษาตลอดชีวิต ที่ยังได้ผลเสมอแม้จะไม่ต้องวัดผลอะไรเลยก็ตามก็ดูวัฒนธรรมและวิถีชีวิตในการสอนของครูนั้น เป็นการเรียนรู้วิถีชีวิตโดยเฉพาะการเรียนการสอนของครูรุ่นก่อนปัจจุบันก็ยังคงสอนเหมือนเดิมอย่างมีประสิทธิภาพว่ากันว่า การแสดงเนื้อหาของการสอนนั้นผ่านอนุบาล 2 ปี ประถม 6 ปี มัธยม 6 ปี และการสอนรูปแบบใหม่ ๆ นั้นในอุดมศึกษา เรียนมากที่สุดแค่ 18 หน่วยกิต 3 เดือนครึ่งสอบท่องให้ผ่าน ไม่ถึงปี แม้ว่าการวัดผลตามหลักสูตรจะบอกว่่าคนคนนี้เก่งวิธีการสอน แต่การเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่พระคุณครูรุ่นก่อน ๆ ที่สอนมา และไม่ได้วัดอะไรเลยแต่กลับมีประสิทธิภาพกว่าแฮะ...แอบยิ้มว่าของตรูมีประสิทธิภาพโดยไม่วัดและประเมินคำตอบและความสำเร็จของการปฏิรูปรอบสอง ก็ดูการสืบทอดวัฒนธรรมตามแบบบูรพาจารย์ ส่วนเรื่องใหม่ ๆ ที่นักวิชาการต่างประเทศนำเสนอ แล้วชนชั้นนำที่เป็นอาจารย์ก็นำเอามานำเสนอต่อเพียงทฤษฎีหรือปฎิบัติได้น้อยและดูทีท่าว่า ผู้ที่นำเอาวิธีการปฏิรูปการเีรียนรู้มานำเสนอ เปลี่ยนจากการปิ้งแผ่นใส มาเป็น powerpoint และทอล์ก แอนด์ ทอล์ก และวัดประเมินจากความจำได้หมายรู้จากทอล์กนั้น ระยะเวลาการนำเสนอตัวของความรู้นั้นเพียงแค่ไม่ถึง 6 เดือน และแปลกแยกจากการปฏิบัติ เมื่อเปรียบเทียบความรู้ที่เกิดจากการศึกษาตลอดชีวิตที่ตนเองได้เรียนรู้สั่งสมมาโดยไม่รู้ตัว ตั้ง 14 ปี ที่นำเสนอความรู้ทั้งวิธีการสอน และระบบความสัมพันธ์จึงเป็นสุดยอดประสิทธิภาพจริง ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น